เที่ยวอินเดีย 6 วัน 5 คืน กับ 3 เมือง ชัยปุระ อัครา เดลี
รายละเอียดการเดินทาง:
วันที่ 1: กรุงเทพ - ชัยปุระ (250 กม. - 5 ชั่วโมง)
หลังรับประทานอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ชัยปุระ เมืองหลักของรัฐราชสถาน ชัยปุระเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลและเป็นเสมือนประตูเข้าสู่รัฐที่งดงามตระการตาที่สุดของประเทศอินเดีย เจ้าหน้าที่ของเราซึ่งประจำอยู่ ณ ชัยปุระจะคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้ท่านพร้อมพาเข้าเช็คอิน ณ โรงแรม ในช่วงเย็น ท่านจะได้เยี่ยมชมการทอพรมด้วยมือหรือที่เรียกว่าพรม Dhurrie เมืองชัยปุระยังเป็นที่รู้จักกันในนาม “นครสีชมพู” และยังถือเป็นเมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ที่นี่ ท่านจะได้พบกับพรมถักมือ พรมทอมือ พรมทอพื้นเรียบ พรม Dhurrie พรมขนฟู และพรมแบบอื่นๆ อีกมากมายทั้งสำหรับใช้กลางแจ้งและในร่ม ซึ่งล้วนแล้วแต่ทักถอจากวัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยมที่ดีที่สุด เช่น ขนสัตว์ทอมือ ผ้าไหม และผ้าฝ้าย จากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย
พักที่โรงแรม - ชัยปุระ
วันที่ 2: ชัยปุระ
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มต้นขึ้นหลังรับประทานอาหารเช้า ซึ่งจะนำท่านไปเยี่ยมชมป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) และพระราชวังแอมเบอร์ อดีตที่ประทับของราชปุตมหาราชาและราชวงศ์ในช่วงปี ค.ศ. 1037 ถึง ค.ศ. 1728 ป้อมแอมเบอร์อันสวยงามนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา (Maota) ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองที่ใหญ่และแน่นหนาแสนงดงามตระการตา โดยท่านยังสามารถเลือกนั่งช้างเพื่อเดินทางขึ้นไปยังป้อมปราการแห่งนี้พร้อมชมวิวรอบๆ ป้อมแอมเบอร์ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของสถาปัตยกรรมฮินดูอันมีเอกลักษณ์อีกด้วย
จากนั้น มุ่งหน้าสู่พระราชวังหลวงหรือพระราชวังซิตี้พาเลซ (City Palace) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างสไตล์ราชปุตและโมกุล ใจกลางของพระราชวังเป็นอาคารสูง 7 ชั้น ซึ่งรู้จักกันในนาม พระราชวังจันทราพาเลซ (Chandra Palace) พร้อมชมวิวเหนือสวนสีเขียวขจีและความงดงามของเมืองชัยปุระ
หลังจากชื่นชมความสวยงามของพระราชวังซิตี้พาเลซแล้ว นำท่านเดินทางต่อไปยังหอดูดาวจันทาร์ มันทาร์ (Jantar Mantar) สถานที่ท่องเที่ยวด้านดาราศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ซึ่งสร้างขึ้นโดยมหาราชาไสว จัย ซิงห์ ภายในหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ยังมีนาฬิกาแดดโบราณที่ยังคงบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงและแม่นยำมาจนถึงทุกวันนี้
จากนั้น จึงเดินทางต่อไปยังฮาวา มาฮาล (Hawa Mahal) หรือ พระราชวังแห่งสายลม ที่มีลักษณะเป็นอาคารสูง 5 ชั้น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1799 ด้วยหินทรายสีชมพูและสีแดงเพื่อให้นางในวังสามารถมองทะลุออกมาเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของสามัญชนทั่วไปบนท้องถนนผ่านหน้าต่างขนาดเล็กตกแต่งด้วยลวดลายฉลุจำนวน 593 บานโดยไม่มีใครสังเกตเห็นจากด้านนอก
แล้วจึงเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของวัน ณ วัดเบียร์ลา (Birla Temple) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1988 เพื่อถวายแด่พระวิษณุหรือพระนารายณ์นั่นเอง วัดแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของวัดลักษมีนารายัน (Laxmi Narayan) อีกด้วย
พักที่โรงแรม - ชัยปุระ
วันที่ 3: ชัยปุระ - อะบาห์เนรี (Abhaneri) – ฟเตหปุระสีกรี (Fatehpur Sikri) – อักรา (Agra) (260 กม. – 6 ชม.)
หลังรับประทานอาหารเช้า มุ่งหน้าสู่อักรา แวะเที่ยวอะบาห์เนรีและฟเตหปุระสีกรี
อะบาห์เนรี - หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในอำเภอเดาซา รัฐราชสถานในประเทศอินเดีย เป็นที่รู้จักในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแปลกตาอย่างแชนด์ เบารี (Chand Baori) หรือบ่อน้ำขั้นบันได และศาสนสถานที่น่าหลงใหลอย่างวัดฮาชาต มาทา (Harshat Mata Temple)
ฟเตหปุระสีกรี – ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการออกแบบวางผังเมืองได้เป็นระเบียบและสวยงามที่สุดเป็นแห่งแรกๆ ของราชวงศ์โมกุล ฟเตหปุระสีกรีเป็นอดีตเมืองหลวงของจักรวรรดิโมกุลที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิอักบาร์ในศตวรรษที่ 16 ชื่อของเมืองมีความหมายว่า เมืองแห่งชัยชนะ (City of Victory)
หลังจากที่ท่านเดินทางมาถึง ณ อักรา เจ้าหน้าที่ของเราจะอำนวยความสะดวกให้กับท่านในการเช็คอินเข้าที่พัก อักราถือเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของประเทศอินเดีย ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์โมกุลและเป็นสถานที่ตั้งของ “ทัชมาฮาล” (Taj Mahal) อนุสรณ์แห่งความรักที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก รูปแบบสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังอักราไม่ขาดสาย พื้นที่ส่วนใหญ่ของอักราตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยมุนา (River Yamuna) ณ กลางใจเมืองยังเป็นสถานที่ตั้งของป้อมอักรา (Agra Fort) และทัชมาฮาลอีกด้วย
พักที่โรงแรม – อักรา
วันที่ 4: อักรา
หลังจากรับประทานอาหารเช้า ท่านจะได้เยี่ยมชมทัชมาฮาล (ปิดทุกวันศุกร์) สถาปัตยกรรมแห่งความรักอันน่าทึ่งของโลก สุสานที่งดงามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิราชาซา จาร์ฮาลเพื่อระลึกถึงพระนางมุมตัส มาฮาล มเหสีอันเป็นที่รักยิ่ง
จากนั้น นำท่านเดินทางไปยังป้อมอักรา (Agra Fort) ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิอักบาร์แห่งราชวงศ์โมกุลในปีค.ศ. 1565 เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางการทหาร ในเวลาต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิซา จาร์ฮาล ป้อมหินทรายสีแดงแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังเพื่อใช้ประทับ ซึ่งป้อมอักราจัดเป็นป้อมขนาดใหญ่เพราะมีความยาวถึง 2.5 กม. และถือเป็นต้นแบบของป้อมแดง (Red Fort) ของเมืองเดลี
จากนั้น เดินทางต่อไปยังอนุสรณ์สถานอิตมัด-อุด-โดละห์ (Tomb of Itmad-Ud-Daulah) สุสานหินอ่อนแห่งราชวงศ์โมกุล สถานที่แห่งนี้ยังรู้จักกันในชื่อ “กล่องอัญมณี” (Jewel Box) และ “เบบี้ทัช” (Baby Taj) อีกด้วย อนุสรณ์สถานอิตมัด-อุด-โดละห์นับเป็นต้นแบบสำคัญของการก่อสร้างทัชมาฮาลในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ท่านยังสามารถชื่นชมความงดงามของพระอาทิตย์อัสดงได้จากสวนเมห์ตานบาคห์ (Mehtab Bagh) ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ได้อีกด้วย
อักรายังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องของแหล่งศิลปหัตถกรรมอันประณีตงดงามอย่างปาร์ชีน คารี (Parchin Kari ) ที่ผสมผสานด้วยองค์ประกอบของหินอ่อนและการตกแต่งลวดลายด้วยการฝังพลอยหรือหินสีสันสดใส สะดุดตา โดยท่านสามารถเดินชมการออกแบบลวดลายและงานหัตถศิลป์ในแขนงต่างๆ จากช่างฝีมือผู้ชำนาญการ ซึ่งท่านยังสามารถซื้อผลงานศิลปะกลับประเทศเพื่อนำไปเป็นของฝากของที่ระลึกให้กับตัวท่านเองและคนที่ท่านรักได้อีกด้วย
พักที่โรงแรม – อักรา
วันที่ 5: อักรา – เดลี (220 กม. – 5 ชม.) เดินทางกลับ
ในวันนี้ เราจะเดินทางจากอักราไปยังเดลี โดยเริ่มต้นด้วยการเที่ยวชมราชกัจ (Raj Ghat) อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงมหาตมะ คานธี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา จากนั้น นำท่านไปยังประตูเมืองอินเดีย (India Gate) หรืออนุสรณ์สถานแห่งสงครามทั้งปวงของอินเดีย (All India War Memorial) อันเลื่องชื่อ โดยประตูเมืองอินเดียนี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1921 เพื่อรำลึกถึงทหารอินเดีย 70,000 นายที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามอัฟกานิสถาน
จากนั้น แวะเที่ยวชมความงดงามและเสน่ห์ของสถาปัตยกรรม “ราษฎร์ปติภวัน” (Rashtrapati Bhawan) หรือที่พำนักของประธานาธิบดีอินเดีย โดยก่อนที่อินเดียจะประกาศอิสรภาพ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของอุปราชแห่งอินเดียมาก่อน แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นบ้านพักอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีของอินเดีย สถานที่แห่งนี้ออกแบบโดยนายเอ็ดวิน แลนด์เซียร์ ลูทเยนส์ (Mr. Edwin Landseer Lutyents) สถาปนิกชาวอังกฤษ และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1929 รวมเวลากว่า 17 ปี
ต่อมา ท่านจะได้เยี่ยมชมกุตุปมินาร์ (Qutub Minar) หรือหอคอยแห่งชัยชนะที่ตั้งสูงตระหง่านอย่างโดดเด่นถึง 73 เมตร หอคอยโบราณที่สร้างจากหินอ่อนและหินทรายสีแดงแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1198 โดยกุตุบอุดดินไอบาค (Qutub-ud-din Aibak) กษัตริย์มุสลิมเชื้อสายเตอร์กเพื่อแสดงถึงชัยชนะเหนืออาณาจักรฮินดูแห่งสุดท้ายของเดลี โดยองค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้สถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลกที่ทรงคุณค่าแห่งหนึ่งของโลก
จากนั้น นำท่านเดินทางไปยังวัดดอกบัว (Lotus Temple) สถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาบาไฮที่สวยงามโดดเด่น ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อว่า ฟารินูซ ซาห์บา (Furiburz Sabha) เพื่อแสดงถึงความสามัคคีของศาสนาฮินดู ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาเชน ซึ่งเปิดให้เยี่ยมชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์ วัดแห่งนี้สร้างจากหินอ่อนสีขาวล้อมรอบด้วยสวนสีเขียวขจี สนามหญ้าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทางเดินที่ออกแบบมาอย่างใส่ใจ รวมถึงสระน้ำ บันได และสะพานอันมีเอกลักษณ์
วันที่ 6: เดินทางกลับสู่กรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ
2 คืน ณ ชัยปุระ – อุชชวาล พรีเมียร์ (Ujjwal Premier)
2 คืน ณ อักรา - โฮเทล อามาร์ (Hotel Amar)
1 คืน ณ เดลี - อัสฮ็อค คันทรี รีสอร์ท (Ashok Country Resort)
*ทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เดินทาง กรุณาส่งข้อความหาเราหากท่านสนใจแพ็คเกจและต้องการราคา
อัตรานี้รวม:
รวมภาษี GST แล้ว
ค่าโรงแรมรวมค่าอาหารเช้าและภาษีแล้ว
บริการรับ-ส่งโดยรถยนต์ปรับอากาศ
หมายเหตุ: ยังไม่รวมค่าเข้าชมสถานที่และค่ามัคคุเทศก์ 2500 รูปี/วัน และค่าอาหารกลางวันต่อท่านต่อวัน 650 รูปี